วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

องค์พระศรีอาริยเมตไตรยจะปรากฏ


                สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์สู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ... เริ่มต้นด้วยโรคระบาด... จนถึงปีกุนประชาราษฎร์... ในเก้าคนรอดเพียงหนึ่ง
                จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่
                ๑. ภัยจากแรงลมมหาศาล
                ๒. ภัยจากไฟโหมลุกไหม้
                ๓. ภัยจากน้ำท่วมใหญ่8i[
                ๔. ภัยจากการทำศึกสงคราม
                ๕. ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน
                ๖. ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด
                ๗. ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า
                ๘. ภัยจากอาหารขาดแคลน อดอยาก
                ๙. ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ
                ๑๐. ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ
                องค์สมเด็จพระศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงครองธรรมกาล ๓.๐๐๐ ปี ลุถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ...
                เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก... จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ผู้คนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี
                หากมีคนนำคัมภีร์นี้ออกไปเผยแพร่ถึงพัน... ถึงหมื่น... จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและซุ่นอันเป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่ร่วมกันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน
                คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับเภทภัยทั้งสิบประการ ตายแล้วก็ยากจะได้กลับมาเกิดอีก
                สาธุชนคนดี... ประกอบด้วยเมตตาจิตตั้งใจเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลายได้
                พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า “เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้... ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า ผู้คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการโทษทัณฑ์ ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันมาหลายปี เพื่อกำหราบคนชั่วช้าสามานย์ และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจิตใจชาวโลกเสียใหม่”
                ในเวลานั้น... บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม แห่งทะเลทักษิณ ถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า
                “ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ... ผู้ดีงามควรคัดออก.ๆ. ๆ...
องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า
                “ดี ชั่ว สองฝ่ายแยกกัน
                  ให้สงครามเจาะจงเลือกที่เกิด
                  ให้โรคระบาดเจาะจงเลือกคนเป็น”
                และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่วร้าย ดังต่อไปนี้
๑.          พวกที่กล่าวโทษ ด่าว่าฟ้าดิน
๒.         พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝึกหลักธรรม
๓.         พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
๔.         พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
๕.         พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติของผู้อื่น
๖.          พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
๗.         พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
๘.         พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติทุกประเภท
๙.          พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริ
๑๐.      โอตัปปะ ไม่สำนึกละอายใจในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
๑๑.      พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบือนหลักธรรม หลอกลวงเทพยาดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๑๒.    พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์ หลักธรรมะ อักษรหนังสือ
๑๓.     พวกที่ใจเหี้ยมโหด เข่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน
๑๔.     พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
๑๕.     พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน
๑๖.      พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
๑๗.     พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
๑๘.     พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตีด่าว่าบุพการี ปู่ ย่า ตา ยาย
๑๙.      พวกที่พูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น
๒๐.     พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
๒๑.    พวกที่ว่ากล่าว ตำหนิโทษผู้อื่นด้วยใจอคติ ไม่เที่ยงธรรม
๒๒.   พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื่อสัตว์ต่อสามี
๒๓.   พวกที่ยุแหย่ ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
๒๔.   พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดก
๒๕.   พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว
๒๖.    พวกที่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
๒๗.   พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
๒๘.   พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
๒๙.    พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
๓๐.     พวกที่กดขี่ราษฎร ยักยอกช่อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง
๓๑.     พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
๓๒.   พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
๓๓.    พวกประจบสอพลอ พะเน้าพะนอยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
๓๔.    พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต
๓๕.    พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
๓๖.     พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้
๓๗.    พวกที่ยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
๓๘.    พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
๓๙.     พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์แต่กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ
๔๐.     พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
๔๑.     พวกที่เห็นผู้อื่นอยู่ในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียรติยศก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง
๔๒.   พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้าย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น
๔๓.    พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอย
๔๔.    พวกที่ฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น
๔๕.    พวกที่เผาปา ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
๔๖.     พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร
๔๗.    พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รักแกเด็กๆ  ผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
๔๘.    พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน
๔๙.     พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร
๕๐.     พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
๕๑.     พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
๕๒.   พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
๕๓.    พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
๕๔.    พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ช่องทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น
                “นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั้นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้ หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน” “นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั้นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้ หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”
                ครั้นครบกำหนดเวลาสามปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฏิบัติแต่สิ่งดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจ การกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้
                “ข้าฯ...  จะลงมาตระเวนตรวจตาดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯ จะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วนทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น ต่อให้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธ์... สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรค ยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน... คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผล คนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่อาจรอด
                บัดนี้... ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา... ไม่มีวิธีการใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯ ก็เสียแรงเปล่าที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจจุบันมีทุกข์ไม่ยอมช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง... ข้าก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้
                บัดนี้... ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์.. เกณฑ์มหันตภัยยุคสุดท้ายปุถุชนธรรมดาให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าฟาผ่าดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมทันบ้านเรือน วาตะภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่งธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยากจะอยู่รอดพญามารมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน เสือร้ายจากป่าเขาออกอาละวาด จะหลบหนีกันอย่างไร อสรพิษเลื้อยเต็มถนนหนทางจนยากจะเดิน
                มหันตภัยทั้งสิบนี้ยากจะหลีกหนีพ้น หากสามารถผ่านพ้นไปได้จึงจะนับว่าเป็นยอดคน นี่แหละคือ สิบมหันตภัยอันใหญ่หลวง ข้าฯ มีเพียงคำเตือนให้มนุษย์ทั้งหลายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจิตใจยังพอมีโอกาส จงรีบแก้ไขสำนึกในความผิดบาป เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ให้เร่งกลับตัวกลับใจโดยทันที อย่ามัวรีรอจนกระทั่งภัยพิบัติมาประชิดตัว ถึงตอนนั้นจะวิงวอนร่ำร้องให้ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผล จงสร้างบุญทำกุศลสะสมคุณความดีกันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย
                เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย... จงรีบเร่งตั้งจิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน บิดามารดา จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองประชาราษฎร คนยากคนจนให้รู้จักเจียมตน ตั้งมั่นอยู่ในความมัธยัสถ์ ผู้มากมีมั่งคั่งจงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ยากไร้ผู้ปราดเปรื่องเรืองปัญญา จงพยายามตักเตือนช่วยชี้แนะผู้ต่ำต้อยด้อยความรู้ ให้ได้ผ่านพ้นโลกโลกีย์ไปด้วยกัน บุคคลใดไร้บุญบารมีจะตกจมลงสู่ทะเลทุกข์ แต่ผู้มีสัมพันธ์สะสมมาดีย่อมจะได้พบกับความสุงบสุขและสันติในที่สุด”
                “บัดนี้ข้าฯ แฝงธรรมญาณ ยืมปากกาท่านไหว้วานบรรดาผู้รู้จักตัวอักษรหนังสือ คัดเขียนถ่ายทอดให้ข้าฯ แม้หนึ่งเล่ม จะช่วยปกป้องรักษาให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
                ถ่ายทอดให้ข้าฯ สิบเล่ม ทั้งครอบครัวจะพ้นเคราะห์ภัย อันตราย
                เผยแพร่ออกไปให้ข้าฯ ร้อยเล่ม จะปกปักษ์รักษาให้อายยุยั่งยืน
                อีกทั้งโชคลาภ วาสนาเพิ่มพูนทวี รีบแจกจ่ายธรรมทานคัมภีร์นี้โดยทันทีทันใด จะปกป้องรักษาให้เกียรติศักดิ์รุ่งโรจน์มียศฐา
                หากพบผู้ใดไม่รู้หนังสือ จงใช้วาจาเมตตาบอกต่อให้เขาได้ฟังได้เข้าใจ ถ้าแม้นมีคนโฉดเขลาชั่วร้าย ไม่ศรัทธาเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว จะประสบวิบัติให้ปวดเศียรเวียนหัว หน้ามืดตาลาย เจ็ดทวารเลือดไหล ถึงที่ต้องไปเมืองผีด้วยสิบเหตุเภทภัยร้ายนั้น
                ข้าฯ ไม่อาจกล่าวให้ละเอียดมากความไกว่านี้ คิดอยากจะเผยความลับสวรรค์ ก็เกรงด้วยเบื้องบนจะลงทัณฑ์
                หากคนทั้งหลายไม่เชื่อไม่ศรัทธา ดูหมิ่นดูแคลนว่าไม่จริง ไม่นานมหันตภัยที่กล่าวไว้จักมาถึงตัว
                ผู้มีใจศรัทธา น้อมจิตเชื่อฟังตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดี ถือศีลกินเจ เบื้องบนย่อมทรงโปรดเมตตา ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาด มิให้เภทภัยใดๆ เข้าใกล้ถึงตัวได้เลย”
                ..................................